ในขั้นตอนของหลักแห่งอี้เสวี่ยหรือศาสตร์แห่งการเปลี่ยนแปลง ที่เรียกกันทั่วไปว่าอี้จิงนั้นเริ่มจาก “ไท่จี๋เกิดสองขั้ว สองขั้วเกิดสี่ลักษณ์” ในบทนี้ก็คงต้องมาว่าด้วย “สี่ลักษณ์เกิดปากว้า(กว้าทั้งแปดหรืออัฏฐลักษณ์)”
สี่ลักษณ์นั้นคือลักษณะการเปลี่ยนแปลงของหยินและหยาง แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงกับกลายของสองขั้ว ยามเมื่อขั้นนึงไปถึงที่สุดก็ต้องลดลงกลายไปสู่อีกขั้ว ดังเช่นฤดูทั้งสี่ ดังนี้
ฤดูหนาวเป็นไท่หยิน และเมื่อหยินมาถึงที่สุดนั้นหยางจึงก่อเกิดเป็นเส้าหยางหรือหยางพร่องเปรียบ ดั่งฤดูใบไม้ผลิ และเมื่อหยางเติบโตขึ้นถึงที่สุดเป็นไท่หยางดั่งฤดูร้อน และเมื่อหยางถึงที่สุดมันย่อมกลายกลับเกิดหยินขึ้นมาแทนเป็นเส้าหยินหรือ หยินพร่องอันเปรียบกับฤดูใบไม้ร่วงนั่นเอง
และเมื่อลักษณ์ทั้งสี่นี้ได้รวมเข้ากับเส้นหยิน-หยางเข้าไปอีกเพื่อเพิ่มคุณสมบัติภายในสัญลักษณ์ขึ้นมา ก็จะกำเนิด “กว้า” ขึ้นมา
กว้าคืออะไร? มันหมายถึงการรวมกันของเส้นหยินและหยางสามเส้น โดยเรียงตัวจากล่างขึ้นบน ซึ่งแสดงให้เห็นการเรียงตัวของเส้นหยินและหยางในแบบต่างๆ ซึ่งเส้นหยิน-หยางนี้เรียงตัวกันเป็นสามเส้นจะได้กว้าทั้งหมด 8 กว้าหรือเรียกว่า “ปากว้า” แปลแบบไทยๆก็เรียกว่า “อัฏฐลักษณ์” และเนื่องจากกว้าประกอบขึ้นจากเส้นสามเส้นจึงถูกเรียกแบบไทยๆว่า”ตรีลักษณ์”
นอกจากนั้น เมื่อกว้าแบบสามเส้นจับคู่กันจะได้กว้าใหม่เป็นกว้าแบบหกเส้น ซึ่งแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ่้งขึ้น การจับคู่ของกว้าสามเส้นสองกว้านั้น จะทำให้เกิดกว้าแบบหกเส้นทั้งหมด 64 กว้า และเนื่องจากกว้าแบบนี้ประกอบด้วยเส้นหกเส้น จึงถูกเรียกแบบไทยๆว่า “ฉักลักษณ์”
นั่นแสดงว่ากว้านั้นประกอบขึ้นมาจากพื้นฐานของเส้นทั้งหมดสามเส้นด้วยกัน แต่ทำไมต้องเป็นสาม?
อันว่า 3 นั้นคือ Magic Number มันเป็นตัวแทนของความสมบูรณ์ของสิ่งต่างๆ จะเห็นว่ามีการอ้างถึงเลข 3 นี้ในวัฒนธรรมต่างๆเสมอ เช่น ไตรลักษณ์,ไตรสรณคม, พระไตรปิฎก, ตรีวิมุติ, พระตรีเอกภาพในศาสนาคริสต์, เซียนทั้งสามในลัทธิเต๋า, เทพทั้งสามในศาสนาพราหมณ์, องค์ประกอบพื้นฐานของอะตอม, ซานไฉหรือไตรภพตามความเชื่อจีน, แนวคิดเรื่องบน-กลาง-ล่าง หรือความสมบูรณ์ในวัฒนธรรมจีน และอื่นๆอีกมากมาย
และเส้นทั้งสาม ก็เรียงตัวขึ้นมาด้วยเส้น ล่าง-กลาง-บน เป็นกว้าพื้นฐานขึ้นมาแปดกว้า ซึ่งแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติที่ละเอียดขึ้น และเช่นเดียวกับการจัดหมวดหมู่สรรพสิ่งด้วยแนวคิดแบบทวิหรือสองด้าน กว้าทั้งแปดก็สามารถนำมาจัดแบ่งสรรพสิ่งออกมาเป็นหมวดหมู่ได้แปดแบบเช่น เดียวกัน
กว้าทั้งแปดมีดังนี้
เฉียน สัญลักษณ์ในธรรมชาติคือ-ฟ้า ประกอบด้วยเส้นเต็มสามเส้น หมายถึงบิดา, การสร้างสรรค์, การริเริ่ม, บุรุษเพศ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นต้นจากรูป กว้าทั้งแปดมีคุณลักษณะพื้นฐานที่รู้จักโดยทั่วไปดังนี้
- คุน สัญลักษณ์ในธรรมชาติคือ-ดิน ประกอบด้วยเส้นขาดสามเส้น หมายถึงมารดา, การรองรับ, ความสำรวม, การอุทิศตน, สตรีเพศ, ทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นต้น
- หลี สัญลักษณ์ในธรรมชาติคือ-ไฟ ประกอบด้วยเส้นเต็มสองเส้นอยู่นอก เส้นขาดอยู่กลาง หมายถึงบุตรีคนกลาง, ความสุกใส, ความงาม, การติดลาม, ทิศใต้ เป็นต้น
- ขั่น สัญลักษณ์ในธรรมชาติคือ-น้ำ ประกอบด้วยสองเส้นขาดอยู่นอก เส้นเต็มอยู่กลาง หมายถึงบุตรชายคนกลาง, สายน้ำเชี่ยว, การไหลลง, อันตราย, พายุฝน, ทิศเหนือ เป็นต้น
- ตุ้ย สัญลักษณ์ในธรรมชาติคือ-บึงและทะเลสาบ ประกอบด้วยเส้นขาดอยู่บนเส้นเต็มสองเส้น หมายถึงบุตรีคนเล็ก, ความปิติยินดี, ความสำราญ, ทิศตะวันตก เป็นต้น
- เจิ้น สัญลักษณ์ในธรรมชาติคือ-ฟ้าร้อง ประกอบด้วยเส้นขาดสองเส้นอยู่บนเส้นเต็ม หมายถึงบุตรชายคนโต, การเคลื่อนไหว, การกระตุ้น, เสียงดัง, ทิศตะวันออก เป็นต้น
- เกิ้น สัญลักษณ์ในธรรมชาติคือ-ภูเขา ประกอบด้วยเส้นเต็มบนเส้นขาดสองเส้น หมายถึง บุตรชายคนเล็ก, การหยุด, การตั้งมั่น, ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น
- ซวิ่น สัญลักษณ์ในธรรมชาติคือ-ลม ประกอบด้วยเส้นเต็มสองเส้นอยู่บนเส้นขาด หมายถึงบุตรีคนโต, ความยืดหยุ่น, การซึมแทรก, การหยั่งลง, ทิศตะวันออกเฉียงให้ เป็นต้น
นี่คือคุณสมบัติและความหมายของกว้าทั้งแปดอย่างคร่าวๆ ซึ่งจริงๆแล้วกว้าทั้งแปดนั้นมีความหมายในเชิงการแบ่งกลุ่มของทุกสรรพสิ่ง เป็นแปดกลุ่ม หมายความว่าทุกสิ่งสามารถจัดเข้าในกลุ่มของกว้าได้ ดังนั้นการเรียนความหมายกว้าจึงกว้างและลึกซึ้งมาก ซึ่งรายละเอียดจะค่อยๆเพิ่มเติมต่อไป
และเมื่อนำกว้าทั้งแปดมาจับคู่ร่วมกัน ก็จะได้กว้าทั้งหมดเป็น 8×8=64 กว้า ซึ่งจะแทนความหมายของสิ่งต่างๆในระดับที่กว้างออกไปอีก ซึ่งรายละเอียดไว้อ่านในเรื่องของ”โจวอี้” ซึ่งตีความกว้าทั้ง 64 ในบทความต่อไปนะครับ