บทความนี้เป็นบทความพิเศษจากกรณีศึกษาระดับชาติเรื่องเขาพระวิหารครับ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เป็นปัญหาต่อเนื่องมาหลายปีจากการที่ประเด็นเรื่องเขาพระวิหารถูกจุดขึ้นด้วย…
เสิน โดยทั่วไปหมายถึง เทพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จิตวิญญาณ แต่คำว่าเสินในที่นี้ ดูเหมือนจะไม่สามารถอ้างอิงตามความหมายปกติได้ เนื่องจากมันไม่ได้หมายถึงเทพ…
ญาติทั้งหกนั้น แม้จะกล่าวว่ามี 6 แต่ที่หาออกมาจริงๆนั้นจะมีเพียง 5 เท่านั้น โดยไม่นับรวมตำแหน่งแทนตนเอง และนอกจากนี้ ญาติทั้งหกยังไม่เพียงแต่หมายถึงญาติจริงๆ…
หลังจากที่เราได้รายละเอียดฉักลักษณ์เบื้องต้นแล้ว เราอาจจะต้องการรู้ว่าผลการทำนายนั้นจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องใด หรือผลดีร้ายที่ออกมานั้นจะเกี่ยวข้องกับเรื่องไหน…
วิชาลิ่วเหยาเป็นวิชาทำนายด้วยเส้นของฉักลักษณ์ซึ่งมาจากคัมภีร์อี้จิงผ่านพื้นฐานของระบบแปดวิหารของจิงฝาง หลอมรวมกับวิชาดวงจีนจนกลายเป็นวิชาทำนายที่มีเอกลักษณ์
จากที่ได้คลุกคลีกับกลุ่มผู้เรียนวิชาอี้จิงแนวพยากรณ์โดยเฉพาะในหมู่คนที่เรียนวิชาลิ่วเหยา เท่าที่ผมเคยได้พูดคุยมาพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้รู้วิชาพยากรณ์แบบพอคร่าวๆ…
ทฤษฎีน่าเจี่ย ซึ่งบ้านเราดูเหมือนจะเรียกตามสำเนียงแต้จิ๋วว่าทฤษฎีหนับกะ คือทฤษฎีที่รองรับความสัมพันธ์ระหว่างระบบกาลกับระบบฉักลักษณ์ โดยมองว่าระหว่างระบบกาล…
หลังจากที่เราได้รู้เกี่ยวกับลำดับอนุกรมฉักลักษณ์ของจิงฝาง ก็ขอต่อด้วยเรื่องของความสัมพันธ์ของเส้นในตรีลักษณ์บนและตรีลักษณ์ล่าง นั่นคือเรื่องของ ซื่อ(世) และ ยิ่ง(應)
จิงฝาง เป็นชาวฮั่นตะวันตก(77-37 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นศิษย์ของเจียวก้าน(ผู้แต่งตำราอี้จิง “เจียวซื่ออี้หลิน”) เดิมแซ่หลี่ นามที่ตั้งให้เรียกคือจวินหมิง อาชีพรับราชการ…
ลิ่วเหยา (六爻) หมายถึงลายลักษณ์ทั้งหก ซึ่งก็คือลายลักษณ์ที่ประกอบขึ้นเป็นฉักลักษณ์ในคัมภีร์อี้จิง ดังนั้นวิชาลิ่วเหยาจึงเป็นวิชาที่อาศัยเอาฉักลักษณ์ของอี้จิงมาเป็นเครื่องทำนาย โดยอาศัยการอ่านความหมายจากความสัมพันธ์และตำแหน่งของลายลักษณ์ทั้งหก